4. มุ่งในลักษณะวิชาชีพของการบริหารงานบุคคล การบริหารงานบุคคล ซึ่งแต่เดิมปะปนอยู่กับการบริหารราชการทั่ว ๆ ไปนั้น เริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารที่มีความสำคัญ และสมควรจะต้องปฏิบัติให้ดีเป็นพิเศษ โดยอาศัยนักบริหารงานบุคคลที่มีความชำนาญในเรื่องงานบุคคลเป็นผู้คอยช่วยเหลือแนะนำวิธีการปฏิบัติและกลวิธีต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารงานบุคคลได้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์อนุกูลเกื้อต่อการบริหารงานส่วนรวม ทั้งนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่าการบริหารงานบุคคลเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะแยกออกจากงานประจำทั่วไปได้ ผู้บังคับบัญชาตามสายงานจะต้องพัวพันกับงานบุคคลอยู่เสมอ ทั้งจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้เท่า ๆ กับงานประจำของตนก็ตาม ผู้บังคับบัญชาเหล่านี้ก็มิได้เป็นนักบริหารงานบุคคลโดยเฉพาะ เพราะต้องแบกภาระหน้าที่ในการงานประจำอยู่แล้ว ไม่สามารถจะทุ่มเทเวลาให้แก่งานบุคคลเป็นพิเศษได้ จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีหน่วยงานพิเศษทำหน้าที่เกี่ยวกับงานบุคคลโดยเฉพาะ เพื่อคอยช่วยเหลือผู้บังคับบัญชาในเรื่องนี้ หน่วยงานดังกล่าว ควรจะบรรจุนักบริหารงานบุคคลอาชีพไว้ให้ทำหน้าที่ในด้านนี้โดยเฉพาะอย่างเต็มที่
ในปี พ.ศ. 2500 ได้มีการจัดตั้งหน่วยราชการที่จะปฏิบัติงานบุคคโดยเฉพาะขึ้นเป็นหน่วยแรก ได้แก่กองการเจ้าหน้าที่ สังกัดกรมมหาดไทย (กรมการปกครองในปัจจุบัน) กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นกองอัตรากำลังและส่งเสริมสมรรถภาพ ต่อมาในปี พ.ศ. 2504 ในที่ประชุมสัมมนาการบริหารงานบุคคล ซึ่งสำนักงาน ก.พ. และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ได้ร่วมกันจัดให้มีขึ้นระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง เดือนสิงหาคม 2504 ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ประชุมได้เน้นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ และได้ตกลงที่จะจัดให้มีหน่วยปฏิบัติงานบุคคลโดยเฉพาะขึ้นในกรมต่าง ๆ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้มีการจัดตั้งแผนกการเจ้าหน้าที่ขึ้นในกรมต่าง ๆ ในวงราชการพลเรือน ทุกครั้งที่มีการจัดแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยจัดแยกขึ้นเป็นแผนกต่างหาก และโดยปกติมักจะให้สังกัดอยู่กับสำนักงานเลขานุการกรม แม้แต่สำนักงาน ก.พ. เองก็ได้มีการจัดแผนกการเจ้าหน้าที่ขึ้นในสำนักงานเลขานุการกรมด้วยเช่นเดียวกัน
จากการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลแผนใหม่ ภายในวงราชการพลเรือนดังกล่าว จะเห็นได้ว่าได้เกิดความตื่นตัวขึ้นทั่วไปในวงการที่จะเร่งรัดพัฒนาระเบียบข้าราชการพลเรือนให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ และถูกต้องตามหลักวิชาการอย่างครบถ้วน โดยเน้นในเรื่องหลักความสามารถของข้าราชการประกอบด้วยการมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและการรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ กับการที่จะใช้การชักจูงใจให้ข้าราชการปฏิบัติงานอย่างเต็มใจ และมีขวัญในการทำงานดี การจัดให้ข้าราชการได้ปฏิบัติงานได้โดยสืบเนื่องกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นได้ ก็โดยอาศัยการมีลักษณะผู้นำในเชิงวิชาชีพทางด้านการบริหารงานบุคคลในองค์การเป็นสำคัญ