ปัจจัยสำคัญที่จำเป็นสำหรับระบบการจ่ายค่าจ้างแบบจูงใจ

ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้การจัดระบบค่าจ้างแบบจูงใจสำเร็จผลลงได้ด้วยดีนั้น ประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ต่อไปนี้ คือ

1.  ทั้งฝ่ายจัดการ พนักงานและสหภาพแรงงาน ควรจะต้องมีความเข้าใจและสนับสนุนโครงการจ่ายผลตอบแทนนี้ด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งนี้เพราะว่าระเบียบวิธีการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ตามวิธีนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากที่จะต้องมีการอธิบายกัน และต้องมีการฝึกอบรมให้เป็นที่รู้แจ้งถึงกลไกต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของความเข้าใจร่วมกัน นอกจากนี้การมีการปรึกษาหารือ และการให้มีส่วนร่วมกับหัวหน้าคนงานในระดับตํ่าลงไป ตลอดจนเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของแรงงานที่จะช่วยจัดหรือริเริ่มหรือพัฒนาโครงการให้มีข้อดีที่จะได้รับการสนับสนุนนับว่าเป็นเรื่องจำเป็นยิ่งที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดความสำเร็จได้

2.  วิธีการวิเคราะห์ต่าง ๆ ของการปฏิบัติงานแต่ละอย่างควรจะต้องได้มีการกระทำก่อนที่จะมีการกำหนดมาตรฐานของงาน และวิธีที่เหมาะสมที่สุดตลอดจนระเบียบวิธีปฏิบัติสำหรับการทำงาน จะต้องปรากฏออกมาให้ชัดแจ้งเสียก่อน วิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน จะต้องกำหนดไว้ให้แน่นอนและพนักงานทุกคนจะต้องได้รับการสอนให้รู้ว่าควรจะทำงานนั้นให้ถูกต้องตามระเบียบวิธีและมาตรฐานอย่างไรบ้าง

3.  มาตรฐานที่กำหนดไว้ที่จะเป็นฐานของการกำหนดระบบการจ่ายค่าจ้างแบบจูงใจ จะต้องระมัดระวังให้มีการกำหนดขึ้น โดยมีการใช้เทคนิคการวัดงาน (Work measurement technique) เช่น การศึกษาเรื่องเวลาในการทำงาน การศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลมาตรฐาน การทำ Work Sampling และอื่น ๆ ถ้าหากมีปัญหาโต้แย้งที่ต้องต่อรองกันระหว่างคนงาน ฝ่ายจัดการและสหภาพแรงงาน การตัดสินใจก็ควรจะต้องอยู่ในแนวทางที่เป็นกฎเกณฑ์ทางเทคนิค การวัดงานโดยวิศวกรต่าง ๆ มาตรฐานไม่ควรจะกำหนดขึ้นจากข้อมูลในอดีตเท่านั้น ทั้งนี้เพราะว่าถ้าหากไปยึดถือข้อมูลในอดีตแล้ว การได้เปรียบเสียเปรียบโดยเฉพาะในกรณีซึ่งพนักงานเคยทำมาก่อนก็จะเป็นปัญหาในแง่ที่จะเป็นการสะดวก และง่ายที่พนักงานจะทำได้ถึงมาตรฐานอย่างง่ายดาย ซึ่งต่างกับบางจุดคือถ้าหากได้มีการกระทำอย่างดีที่สุดในระดับสูงมาแล้ว การใช้ระบบจูงใจก็เท่ากับเป็นการลงโทษหรือทำให้เกิดความเสียหายที่เป็นการยากที่จะทำให้ถึงโควต้า

4.  งานแต่ละอย่างที่ใช้ระบบการจูงใจนั้น ควรจะมีการประกันอัตราการจ่ายขั้นตํ่าที่เป็นพื้นฐานเอาไว้ ซึ่งถ้าหากผลผลิตได้ตกต่ำกว่าระดับปกติอย่างน้อยก็จะช่วยให้พนักงานสามารถได้รับค่าจ้างที่เป็นเงินจำนวนหนึ่งที่เป็นขั้นตํ่า โดยปกติแล้วอัตราพื้นฐานขั้นตํ่า ควรจะได้กำหนดจากวิธีการทำ การประเมินค่างาน อัตราพื้นฐานขั้นตํ่าอาจจะมีแตกต่างกันไปก็ได้ ทั้งนี้ความสำคัญย่อมอยู่ที่จะต้องแตกต่างกันเนื่องมาจากการต้องใช้ความชำนาญ ความสามารถ ตลอดจนความรับผิดชอบและสภาพของงานที่แตกต่างกันด้วย นอกจากนี้การจะต้องระมัดระวังติดตามศึกษาข้อแตกต่างของพื้นฐานเหล่านี้เป็นประจำ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้มีความแน่ใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น

5.  มาตรฐานของงานไม่ว่าจะเป็นการระบุ โดยใช้เวลาหรือเป็นเงินต่อหน่วยก็ตาม จะต้องได้รับการประกันจากฝ่ายจัดการในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ยกเว้นเฉพาะกรณีของการเปลี่ยนแปลง ในวิธีหรือเครื่องมือ ตลอดจนอุปกรณ์วัตถุดิบและการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พนักงานทุกคนควร จะต้องมีโอกาสได้รู้ว่ามาตรฐานของงานหรือโควต้า มิใช่สักแต่ว่าต้องพยายามตั้งให้สูงไว้เพื่อต้องการจะให้พนักงานได้มีผลตอบแทนสูงอยู่เสมอตลอดไป ทั้งนี้เพราะในกรณีที่จำเป็นที่จะต้องลดอัตราก็อาจจะต้องเป็นเหตุผลที่จะต้องทำ การเปลี่ยนแปลงในมาตรฐานของงานจะถือได้ว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าหากว่าวิธีการที่เกี่ยวกับการทำงานนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือถ้าหากฝ่ายจัดการได้ปรับปรุงการทำงานให้ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น เช่นในแง่ของการใช้วิธีในการลดขั้นตอนของการปฏิบัติงานซึ่งทำให้ใช้เวลาตํ่ากว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ในกรณีเช่นนี้พนักงานก็ยังคงจะสามารถได้รับรายได้ไม่น้อยกว่าเดิม ถ้าได้ใช้ความชำนาญและกำลังความสามารถเท่าเทียมอย่างเดิมแล้ว ถ้าหากพนักงานได้มีการริเริ่มด้วยตัวเองที่จะคิดค้นจนมีวิธีทำงานที่ดีกว่าเดิมก็ควรจะได้รับรางวัลตามที่ควรด้วย

6.  วิธีที่ใช้ควรจะสะดวกและง่ายที่จะให้พนักงานสามารถคำนวณรายได้ของตัวเองได้ด้วยตนเอง ในกรณีเช่นนี้ถึงแม้สูตรวิธีการคำนวณที่ใช้แม้จะค่อนข้างยุ่งยากก็ตาม ฝ่ายจัดการควรมีวิธีที่จะคิดคำนวณรายได้ที่พนักงานจะได้รับทราบได้โดยเร็วทันทีก็จะเป็นการดี ซึ่งจะเป็นผลดีในการทำให้เกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อแผนงานดังกล่าว

7.  ควรจะต้องมีการจัดระบบให้มีการร้องเรียนตามวิธีการที่สะดวก เพื่อได้แก้ไขข้อไม่พอใจ ตลอดจนคำร้องทุกข์ของพนักงาน ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับระบบการจูงใจนี้มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราว ที่ว่าอัตราหรือมาตรฐานสูงเกินไป ซึ่งยากที่จะทำได้ถึงจุดดังกล่าว หรือไม่เช่นนั้นก็มักจะเป็นเรื่องของการโต้แย้งที่เวลามาตรฐานที่กำหนดให้สั้นลงกว่าเดิมนั้น เป็นสิ่งที่ผิดข้อตกลงหรือเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก