การสรรหาบุคคลเข้าปฏิบัติงาน ในการสรรหาบุคคลเข้าปฏิบัติงานนั้น ประการแรกจะต้องทราบถึงความต้องการของกำลังคนที่จะใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งในการนี้จำเป็นต้องมีแผนเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของแต่ละองค์การ ทั้งนี้เพื่อให้การสรรหาบุคคลสอดคล้องกับแผนการบริหารงานบุคคลที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดี ในการสรรหาบุคคลนั้น อาจนำแนกถึงแหล่งที่จะสรรหาบุคคได้เป็น 2 แหล่งใหญ่ ๆ คือ 1. สรรหาบุคคลจากภายในองค์การ การสรรหาโดยวิธีนี้นับว่าเป็นผลดีในด้านที่จะทำนุบำรุง และส่งเสริมกำลังใจในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานในองค์การ เพราะจะทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติงาน และมีความจงรักภักดีต่อองค์การมากขึ้น ตามวิธีการนี้คือ เลือกสรรด้วยวิธีคัดเลือกหรือเลื่อนชั้นบุคคลในองค์การ โดยพิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเหมาะสม วิธีการเช่นนี้มีกระทำอยู่ทั่วไปในวงราชการ เช่น การสอบเลื่อนชั้น จากชั้นจัตวาเป็นชั้นตรีหรือจากชั้นตรีเป็นชั้นโท และ/หรือจากชั้นโทเป็นชั้นเอก เป็นต้น 2. สรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ วิธีการนี้เป็นการสรรหาบุคคลจากที่อื่นเข้ามาปฏิบัติงานในองค์การ และวิธีนี้อาจจะทำได้อย่างกว้างขวาง เช่น การรับโอนข้าราชการจากหน่วยสังกัดอื่นที่มีความรู้ความสามารถดี เข้ามาปฏิบัติงานในองค์การของเราเอง วิธีการเช่นนี้ เจ้าสังกัดเดิมมักไม่เต็มใจที่จะให้โอนบุคคลที่มีความรู้ความสามารถดีไปปฏิบัติงาน อย่างไรก็ดี วิธีการนี้หากผู้ที่จะโอนสามารถได้เลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น ผู้บังคับบัญชาก็มักจะยินยอมให้โอน เพราะเป็นความก้าวหน้าของผู้นั้น
Tag: การสรรหาบุคคลเข้าปฏิบัติงาน
การสรรหาและการเลือกสรรบุคคลเข้าปฏิบัติงานในองค์การ
3. การสรรหาบุคคลและการเลือกสรร ในการสรรหาบุคคลเข้าปฏิบัติงานและการเลือกสรร จำต้องอาศัยการวางแผนเป็นเครื่องมือในการจัดเตรียมและประกาศการสอบแข่งขันและคัดเลือก แต่ในทางปฏิบัติโดยเฉพาะในวงราชการมักจะกระทำซ้ำๆ ซาก ๆทุกปี ไม่พยายามที่จะเปลี่ยนแผลงหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น ความพยายามที่จะทำให้การสอบแข่งขันเป็นอุปกรณ์ที่ทรงประสิทธิภาพ เช่นใช้เป็นการเปรียบเทียบผลปฏิบัติงานของบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเข้าปฏิบัติงานกับคะแนนที่สอบเข้ามาได้ เพื่อใช้ในการปรับปรุงวิธีการสอบให้ได้ผล มีความรู้ ความสามารถ ยิ่งขึ้นนั้นไม่ค่อยมีผู้คิดปฏิบัติกันเหตุการณ์ที่เป็นอยู่จึงมีลักษณะเสมือนการผูกขาดตลาดแรงงาน ซึ่งมีผลเป็นการดึงผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไปไว้ในวงราชการเสียหมด อันทำให้การวางแผนตัวบุคคลไร้ความหมาย ปรากฎการณ์นี้จะหมดไปเมื่อรัฐบาลต้องแข่งขันกับธุรกิจของเอกชนในเรื่องการสรรหาบุคคลเข้าทำงาน และเมื่อนั้นรัฐบาลก็จำเป็นต้องวางแผนการบริหารบุคคลให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เช่น ต้องแสวงหาแหล่งสนองความต้องการกำลังคนใหม่ ๆ ต้องจัดการพัฒนาข้าราชการให้มีคุณวุฒิสูงขึ้น และต้องพยายามจูงใจบุคคลต่าง ๆ เป็นพิเศษ เพื่อให้มีคนสนใจและรักการรับราชการ เป็นต้น