1. ระบบราชการย้ำในลักษณะรูปแบบ(Emphasis on form) ที่องค์การได้กำหนดขึ้น ได้แก่กฎหมายระเบียบข้อบังคับที่กำหนดไว้ การปฏิบัติจึงต้องดำเนินไปตามนัยที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด
2. ระบบราชการมีลักษณะตามแนวคิดของสายการบังคับบัญชา (Concept of hierarchy) กล่าวคือ มีลำดับขั้นการบังคับบัญชาตามลำดับ มีหัวหน้าองค์การเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์การ
3. แบ่งแยกภารกิจการงานตามลักษณะเฉพาะ (Specialization of task) กล่าวคือ การกำหนดหน้าที่การงานของเจ้าหน้าที่ในองค์การ ถือหลักความรู้ความสามารถและการเลือกสรรบุคคลเข้าทำงานก็ยึดระบบคุณธรรม (Merit system) เป็นเกณฑ์
4. เจาะจงในเรื่องขอบเขตของความสามารถ (A Specified sphere of competence) อันเป็นผลมาจากการยึดหลักการข้อ (3) คือ เมื่อเลือกสรรบุคคลเข้าทำงานแล้ว ควรกำหนดหน้าที่ของแต่ละบุคคลให้เหมาะสมและโดยชัดแจ้ง หรืออาจระบุหน้าที่การงาน (Jop description) ไว้เพื่อให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ
5. กำหนดปทัสถานแห่งความประพฤติในการปฏิบัติงาน (Established norms of conduct) ซึ่งหมายถึงการที่จะแจ้งนโยบายขององค์การไว้ เพื่อให้ทุกคนในองค์การได้ทราบและเพื่อติดตามดูว่า การดำเนินงานขององค์การนั้นบรรลุวัตถุประสงค์และนโยบายขององค์การหรือไม่ เพียงไร
6. มีการลงระเบียน (Record) ในการทำงาน อันหมายถึงการบริหารราชการ เช่น การดำเนินงาน การวินิจฉัยสั่งการ หรือการวางระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ จะต้องกระทำเป็นระเบียบ เพื่อจัดเก็บบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และสะดวกแก่การคาดคะเนเหตุการณ์การปฏิบัติงานขององค์การในอนาคต