การใช้ภาษาร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

สมมุติว่าท่านเพิ่งเรียกพนักงานคนหนึ่งของท่านเข้ามาในห้องทำงาน ของท่าน เขาไม่รู้ว่าท่านตั้งใจจะพูดกับเขาถึงปัญหาวินัยที่ผ่านมาซึ่งท่านเพิ่งค้นพบ ท่านตัดสินใจที่จะเข้าให้ถึงจุดเริ่มต้นของปัญหาที่นี่และเดี๋ยวนี้ พนักงานเข้ามาในห้องทำงานของท่าน และท่านกล่าวต้อนรับให้เขานั่ง ขณะที่ท่านเริ่มสนทนาด้วยภาษาที่ใช้ทักทายกัน พนักงานของท่านมองตรงมาที่ท่าน เอียงศีรษะนิดหน่อย ขาและแขนไม่ไขว้ ถอดกระดุมเสื้อนอก นั่งเอียงมาด้านหน้าของเก้าอี้ ปล่อยแขนตามสบาย เมื่อท่านเคลื่อนเข้าสู่หัวข้อที่ละเอียดอ่อนขึ้น ร่างของพนักงานเปลี่ยนอยู่ในท่าแข็งมากขึ้น ขาและแขนไขว้กันแน่น ริมฝีปากเม้ม กำมือแน่น คงประสานตากับท่านเพียงเล็กน้อย ขณะที่เขาเริ่มเล่าเรื่องในด้านที่เป็นของเขา เขายังไม่สามารถประสานสายตาด้วย และยิ่งกว่านั้นยังไม่ยอมมองตอบท่านด้วย ในช่วงที่การสนทนาใกล้จะจบลงเขาดูเหมือนจะเหลือบตาขึ้นมอง ลูบจมูกตนเอง ไปมาและใช้มือกำบังปากไว้ ขณะที่ท่านกำลังฟัง ท่านกำลังมองลอดแว่นตาของท่าน เป็นการเหลือบมองด้วยหางตาเป็นระยะ ๆ และสลับด้วยการเลิกคิ้ว เมื่อใกล้จะจบการสนทนา ท่านบอกพนักงานของท่านว่า ท่านตั้งใจที่จะเปิดใจกว้างเกี่ยวกับสถานการณ์ และจะมองลึกเข้าไปในปัญหาอีกครั้งในลักษณะที่ตรงไปตรงมามากขึ้น ในขณะที่พนักงานของท่านออกจากห้องทำงานของท่าน ท่านนั่งพิงพนักเก้าอี้ เอานิ้วมือไขว้หนุนหลังคอไว้ ยกเท้าทั้ง ๒ ข้างขึ้นวางพาดบนโต๊ะ ท่านอดขำไม่ได้ว่า มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นอกเหนือจากคำพูดแท้ๆ ที่กล่าวออกมา แต่ท่านไม่สามารถจัดการกับมันได้ ท่านไม่ได้เชื่อคำพูดที่เขากล่าวแม้แต่คำเดียว เพราะด้วยเหตุที่เขาแสดงออก แต่ท่านไม่ต้องการทำให้เขารู้ว่าท่านกำลังสงสัย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้บอกเขาว่า ท่านจะเปิดใจกว้างและตรงไปตรงมาในเรื่องนี้ ท่านตระหนักว่าทั้งตัวท่านเองและพนักงานของท่าน ไม่ค่อยจะได้สื่อสารต่อกัน อย่างเปิดเผยด้วยภาษาคำพูด แต่เปิดเผยให้เห็นในภาษาร่างกาย การเคลื่อนไหวทางร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้าและท่าทาง […]