ระบบของการจำแนกตำแหน่งโดยอาศัยลักษณะของหน้าที่เป็นพื้นฐานนี้ บางทีเรียกว่า การจำแนกชั้นตามหน้าที่ของตำแหน่ง และจะพบอยู่ทั่วไปในระบบข้าราชการพลเรือนของสหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ระบบนี้ได้วิวัฒนาการมาจากวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมก่อน จากนั้นจึงแพร่หลายไปในวงราชการ หลักการสำคัญของการจำแนกหน้าที่การงานตามวิธีนี้ ถือเอาตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นหลักมากกว่าเรื่องตัวบุคคลสถานะของข้าราชการขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่ปฏิบัติอยู่มากกว่าคุณวุฒิ ประสบการณ์หรือตำแหน่งหน้าที่การงานที่เคยปฏิบัติมาก่อน และเมื่อเปลี่ยนแปลงย้ายตำแหน่งหน้าที่การงาน ตำแหน่งและอัตราเงินเดือนนั้นก็จำเป็นต้องจัดเสียใหม่ให้เหมาะสมกับลักษณะของงานที่ปฏิบัติอยู่ด้วย
ลักษณะของการจัดตำแหน่ง โดยอาศัยความรับผิดชอบและคุณภาพของงานเป็นหลักนั้น จะต้องจัดทำแผนวิเคราะห์และแยกตำแหน่งหน้าที่การงานทั้งหมดเสียก่อนแล้วจึงจัดให้ตำแหน่งหน้าที่การงานเหล่านั้นรวมกันเข้าเป็นหมวดหมู่อยู่ในระดับชั้นต่าง ๆกัน เพื่อกำหนดคุณวุฒิและอัตราเงินเดือนตามความสำคัญ คุณภาพและปริมาณของงาน โดยอาศัยการเปรียบเทียบ ตัวอย่างการจำแนกตำแหน่งเสมียน จะเห็นว่าเสมียนนั้นทำหน้าที่ต่างกัน และมีความรับผิดชอบต่างกัน เช่น เสมียนบางคนทำหน้าที่เสมียนรับ-ส่ง และบางคนจำแนกแยกเก็บประเภทเอกสาร ฯลฯ เมื่อจำแนกตำแหน่งเสมียนแล้ว จึงพิจารณาถึงลักษณะของงานต่อไป โดยการเปรียบเทียบคุณภาพและปริมาณงานของเสมียนแต่ละประเภท แล้วจึงกำหนดมาตรฐานและอัตราเงินเดือน
ในวงการอุตสาหกรรม ได้มีการจำแนกตำแหน่งตามลักษณะของงานโดยถือหลักสำรวจและวิเคราะห์งาน ซึ่งหมายถึงการศึกษาเกี่ยวกับหน้าที่ภารกิจ ความรับผิดชอบ ลักษณะงาน และคุณสมบัติของผู้ที่จะปฏิบัติงานนั้น ซึ่งเมื่อนำเอาเกณฑ์เหล่านี้มาประมวลเข้าด้วยกันแล้วจะมมีลักษณะเป็นการพรรณนาลักษณะงาน(Job description) ทำให้ทราบลักษณะหน้าที่ของงานเหล่านั้นว่าเป็นอย่างไร เหมาะสมกับบุคคลที่มีความรู้ความสามารถอย่างไร หากผู้ดำรงตำแหน่งมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมจะต้องปรับปรุงแก้ไขทันที