หลักเกณฑ์ในการเลื่อนตำแหน่ง
1. หลักความรู้ความสามารถ การเลื่อนตำแหน่งโดยวิธีนี้ยึดถือความรู้ ความสามารถเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาเป็นสำคัญ ไม่คำนึงถึงความมีอาวุโส ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานแต่อย่างใด เครื่องมือสำหรับการเลื่อนตำแหน่งโดยวิธีนี้ อาศัยการสอบเป็นเกณฑ์วัด ซึ่งบางกรณีก็ใช้การทดสอบโดยให้ทดลองปฏิบัติงานโดยตรง วิธีการนี้อาจมีผลดีในแง่ที่จะสามารถเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถสูงเข้ามาปฏิบัติงานได้ โดยเฉพาะตำแหน่งทางวิชาชีพ เช่น วิศวกร หรือนักคำนวณ เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยจูงใจให้ผู้ปฏิบัติงานตั้งใจปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มความรู้ความสามารถ เพราะความสามารถของตนเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องเสริมฐานะตำแหน่ง และความก้าวหน้าของตนได้ นอกจากนี้ยังสามารถขจัดผู้ที่ไม่มีความสามารถออกไปเสียจากองค์การ สร้างความภูมิใจต่อการปฏิบัติงงานในตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ให้แก่คนงานได้เป็นอย่างดี
2. หลักอาวุโสและประสบการณ์ การเลื่อนตำแหน่งโดยวิธีนี้ ยึดถือหลักการพิจารณาถึงอาวุโสและประสบการณ์ ดังนั้นจึงควรได้พิจารณาถึงความหมายของคำว่าอาวุโสให้ถูกต้องตรงกันเสียก่อน โดยทั่วไปอาวุโสในการปฏิบัติงานนั้น หมายถึง การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ปฏิบัติงงานอยู่ในองค์การนั้นมาเป็นเวลานาน ด้วยความรู้ความสามารถของตนเอง เหตุว่า หากไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่การงานได้ ก็จะต้องถูกให้ออกจากองค์การไป อนึ่ง การปฏิบัติงานเป็นเวลานานย่อมมีความรอบรู้และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานมาก ดังนั้นการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่การงานมาด้วยความวิริยะและใช้ความรู้และความสามารถอย่างเต็มภาคภูมิมาเป็นเวลานาน จึงควรได้รับการตอบแทนโดยการเลื่อนตำแหน่ง เพื่อเป็นสินน้ำใจในความจงรักภักดีและปฏิบัติงานกับองค์การมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ดีมีข้อสังเกตว่า ในบางแห่งการพิจารณาอาวุโส มิได้คำนึงถึงระยะเวลาของการปฏิบัติงานในองค์การแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่พิจารณาถึงอัตราเงินเดือนที่ได้รับเป็นปัจจัยสำคัญในการเลื่อนตำแหน่งมากกว่าระยะเวลาของการปฏิบัติงานในองค์การแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่พิจารณาถึงอัตราเงินเดือนที่ได้รับเป็นปัจจัยสำคัญในการเลื่อนตำแหน่งมากกว่าระยะเวลาของการปฏิบัติงานนั้น เช่น ในระบบบริหารราชการของไทย เป็นต้น
3. หลักความรู้ความสามารถและอาวุโส โดยเหตุที่หลักการเลื่อนตำแหน่งทั้งสองที่กล่าวมาแล้ว มีข้อบกพร่องอยู่บ้างทั้ง 2 วิธี ดังนั้น วิธีที่ 3 จึงมุ่งแสวงหาจุดที่จะประสานแนวความคิดของหลักทั้งสองที่กล่าวมาแล้ว โดยการสังเคราะห์สิ่งที่ดีของหลักทั้งสองเข้าด้วยกัน กล่าวคือ ในการเลื่อนตำแหน่ง ให้พิจารณาถึงความรู้ความสามารถ ซึ่งจะทราบได้โดยการทดสอบและพิจารณาถึงอาวุโสในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะทราบได้จากหลักฐานการปฏิบัติงานของบุคคลนั้น ๆ โดยวิธีนี้เชื่อกันว่า น่าจะเป็นหลักที่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และสามารถได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถปฏิบัติงานในองค์การได้
4. หลักระบบอุปถัมภ์ โดยที่การปฏิบัติงานในองค์การเกือบทุกแห่งไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงให้พ้นจากระบบอุปถัมภ์ได้ และเพราะเหตุว่าระบบอุปถัมภ์นั้น หากนำไปใช้ในขอบเขตที่พอเหมาะพอควรดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น ก็จะอำนวยประโยชน์ต่อการบริหารงานอยู่ไม่น้อย ดังนั้นในการเลื่อนตำแหน่งบางตำแหน่ง ซึ่งแม้ว่าจะมิได้เป็นตำแหน่งที่ระบุไว้ว่าจะต้องสรรหาบุคคลเข้ามาโดยระบบอุปถัมภ์ก็ตาม แต่ตำแหน่งนั้น หากสรรหาบุคคลมาปฏิบัติงานโดยระบบอุปถัมภ์แล้ว จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อการปฏิบัติงานมาก โดยนัยนี้การเลื่อนตำแหน่งนั้น ๆ จึงมีความจำเป็นต้องนำระบบอุปถัมภ์มาใช้ ยิ่งไปกว่านั้น การเลื่อนตำแหน่งบางตำแหน่งอาจถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์มาบีบบังคับให้จำต้องปฏิบัติตามก็มี