การแปลความหมายของกลุ่มอากัปกิริยา

อากัปกิริยาที่ร่วมกันบางกลุ่ม ย่อมเป็นตัวกำหนดที่น่าเชื่อถือได้ เกี่ยวกับความรู้สึกที่แท้จริงของบุคคล อากัปกิริยาที่ร่วมกันเหล่านี้ เรียกว่า กลุ่มอากัปกิริยา อากัปกิริยาที่แสดงภาษาร่างกายแต่ละท่าย่อมมีความหมาย อิงซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์ภาษาร่างกายของแต่ละบุคคล ควรจะต้องคิดถึงความหมายของสัญลักษณ์อื่น ๆ เพื่อสความมั่นใจว่า ภาษาร่างกายนั้น ๆ เป็นภาษาที่ชัดเจนและเข้าใจได้ถูกต้อง การแปลความหมายของกลุ่มอากัปกิริยา ช่วยทำให้การวิเคราะห์สถานภาพทางจิตใจของบุคคล มีความหมายที่สมบูรณ์มากขึ้น ถ้าแต่ละอากัปกิริยาอยู่ในกลุ่มที่เหมาะสม อีกนัยหนึ่งย่อมหมายความว่า แต่ละอากัปกิริยาโดด ๆ ย่อมต้องมีความเหมาะสมเข้ากันที่จะแสดงข้อความที่มีความหมายง่าย ๆ เมื่อความหมายเข้ากันไม่ได้ย่อมแปลว่า ท่านกำลังเผชิญกับความไม่สอดคล้องต้องกัน ตัวอย่างของความไม่สอดคล้องต้องกัน ได้แก่ การหัวเราะแบบตื่นกลัว การหัวเราะทั่ว ๆ ไป น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของความสนุกและความสบายใจ แต่เมื่อการหัวเราะนั้นมีลักษณะถูกบีบคั้น หรือตื่นกลัว ในขณะที่สัญลักษณ์อื่น ๆ ทางภาษาร่างกาย ได้แก่ การเคลื่อนไหว ส่วนขาและแขนอย่างกลัว ๆ และเมื่อร่างทั้งร่างเปลี่ยนไปเหมือนกับพยายามจะหนีสถานการณ์ที่เลวร้าย ท่านย่อมรู้ได้เลยว่า การหัวเราะครั้งนั้นไม่ได้ หมายถึง ความสนุกหรือความสบายอารมณ์ เสียงหัวเราะเกิดขึ้นเพื่อปกปิดความทุกข์ และอาจจะเป็นความกลัวก็ได้ ฉะนั้นในการอ่านภาษาร่างกาย จงแน่ใจว่า ท่านมองที่กลุ่มอากัปกิริยาทั้งหมด และความสอดคล้องต้องกันด้วย จงจำไว้ว่าภาษาร่างกายอาจจะช่วยเสริม ช่วยเน้น ต่อต้าน หรือไม่สัมพันธ์ด้วยเลยกับคำพูดที่กำลังพูดอยู่ ฉะนั้น การอ่านภาษาร่างกาย เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องของการวิเคราะห์ ขอให้เราหันมาดูกลุ่มอากัปกิริยา ที่พบอยู่ทั่ว ๆ ไป และความหมายที่สัมพันธ์กัน

การเปิดเผย มีอากัปกิริยาหลายท่าที่แสดงถึงความเปิดเผยและจริงใจ เช่น การอ้าแขนรับ การปลดกระดุมเสื้อนอกและกระคุมคอเสื้อ การถอดเสื้อคลุมหรือเสื้อนอก การเคลื่อนเข้าใกล้กัน การนั่งค่อนมาด้านหน้าของเก้าอี้ การวางแขนขาตรงโดยไม่ไขว่ห้าง หรือไขว้แขน เมื่อใดที่คนเราภูมิใจกับสิ่งที่ตนได้กระทำ ก็มักจะแบมือออกกว้าง แต่เมื่อใดไม่ภูมิใจ ก็มักจะซุกมือไว้ในกระเป๋า หรือซ่อนไว้ข้างหลัง จงสังเกตมือของเด็กในโอกาสต่อไป เมื่อเด็กกำลังจะซุกซ่อนอะไรบางอย่าง เมื่อใดที่คนเราถอดเสื้อนอกออก ปลดกระดุมคอเสือ หรือยื่นแขนทั้งสองมาที่ท่านเขากำลังเริ่มมีความรู้สึกสบาย ๆ ที่มีท่านปรากฏตัวอยู่ ทั้งหมดนี้เป็นสัญลักษณ์ทางบวกทั้งสิ้น

การปกป้องตนเอง บุคคลใดที่มีลักษณะปกป้องตนเอง มักจะมีร่างกายแข็งทื่อ แขนและขาไขว้กันอย่างสนิทแน่น ตาเหลือบมองด้านข้าง ๆ หรือมองตรงเป็นครั้งคราว ส่งสายตาน้อยมาก ริมฝีปากเม้ม กำมือแน่น และหลบศีรษะลงตํ่า อะไรคือสิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของท่าน เมื่อท่านคิดถึงบุคคลที่เอาแขนไขว้กอดอกไว้แน่น ท่านคิดว่าบุคคลนี้เป็นกรรมการตัดสินเบสบอล ใช่หรือไม่ จงคิดถึงภาพผู้บริหารรีบวิ่งออกจากหลุมที่กำบัง แขนแกว่ง หรือติดอยู่ที่กระเป๋าหลัง เมื่อผู้บริหารนั้นใกล้เข้ามา ผู้ตัดสินเอามือกอดอก เขาย่อมให้สัญญาณโดยไม่ต้องใช้คำพูดแสดงถึงความตั้งใจของเขาที่จะปกป้องการตัดสินใจของเขา อีกส่วนหนึ่งของท่าทางที่อยู่ในกลุ่มนี้ก็คือ ผู้ตัดสินอาจจะหันหลังให้ผู้บริหารและบอกโดยมิได้กล่าวเป็นคำพูดว่า “คุณพูดมากพอแล้ว” การกอดอกพร้อมกับกำมือแน่น เป็นอีกอากัปกิริยาหนึ่งที่แสดงออกรุนแรงที่สุดสำหรับท่าไขว้แขนกอดอก จงระวังเป็นพิเศษสำหรับข้อมือที่กำแน่น ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่าบุคคลนั้น ๆ กำลังเอาตนออกห่างจริง ๆ

เมื่อมีผู้ใดวางขาของตนบนแขนเก้าอี้ อาจจะทำท่าเหมือนกับแสดง อาการหย่อนใจและเปิดเผย ซึ่งมิได้มีความหมายเช่นนั้นจริง จากผลการวิจัย แสดงว่า เมื่อแสดงอาการเช่นนี้ บุคคลนั้นกำลังเอาตนออกจากวงสนทนา ที่กำลังดำเนินอยู่ ท่านจึงไม่ควรหวังที่จะได้รับความร่วมมือจากบุคคลผู้นี้อีกต่อไป นอกเสียจากว่าท่านสามารถหันเหตัวเขาเข้าสู่สภาพเดิมของเขาได้ การนั่งคร่อมเก้าอี้ก็เช่นกัน อาจจะทำท่าคล้ายกับว่าเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตอง และเปิดเผย แต่ก็ไม่ใช่ความหมายเช่นนั้น กลับกลายเป็นการแสดงการยกตนข่มผู้อื่น บุคคลผู้นั้นกำลังลุกขึ้นปกป้องตนเองในสภาพการทำงาน บ่อยครั้งนายชอบกระทำเช่นนี้ต่อหน้าพนักงาน เป็นการกระทำในเชิงปกป้องตน และท่านจะเสียเวลาจัดการกับบุคคลที่แสดงออกในท่านี้ เพราะท่านจะทำอะไรไม่ได้เลย

การประเมิน ท่าทางประเมินจะบอกถึงอาการของบุคคลที่กำลังใช้ความคิด หรือกำลังพิจารณาสิ่งที่ท่านกำลังพูดบางครั้งก็ในลักษณะเป็นมิตร บางครั้งก็เป็นศัตรูกัน ท่าทางประเมินที่เห็นได้ชัด ได้แก่ การเอียงศีรษะ เอามือกุมแก้ม การนั่งเอนไปข้างหน้า ลูบไล้คางไปมา ท่านเคยเห็นรูปั้นที่มีชื่อเสียงของ ออกุสฅ์ โรดิน (Auguste Rodin) ที่มี่ชื่อว่า “นักคิด’’ (The Thinker) บ้างหรือยัง รูปปั้นนี้เป็นต้นแบบของบุคคล ที่ดื่มดํ่าอยู่ในความคิดมิใช่หรือ นอกจากท่ามือยันคางแล้ว บุคคลที่เอียงศีรษะของตนและเอนลำตัวไปข้างหน้าน้อย ๆ มักจะแสดงอาการว่ากำลังพิจารณาสิ่งที่ท่านกำลังพูด ท่าทางที่บ่งบอกถึงการตรึกตรองอย่างจริงจังในสิ่งที่กำลังพูด คือท่าลูบไล้คางไปมา กล่าวกันว่า ท่าทางเช่นนี้แสดงถึงลักษณะของบุคคลฉลาดที่กำลังพิจารณาตัดสินความ

บางครั้งท่าการประเมินก็เปลี่ยนไปในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ในท่าเช่นนี้ ร่างกายจะหดกลับไปด้านหลังมากขึ้น มือตั้งขึ้นเลียบใบหน้า แต่คางอยู่ในอุ้งมือ โดยมีนิ้วข้างหนึ่งชี้อยู่ที่แก้ม และอีก ๔ นิ้วที่เหลือวางอยู่ใต้ริมฝีปาก ท่าเช่นนี้โดยทั่วไปเป็นท่าที่ไม่พอใจ อีกท่าหนึ่งซึ่งเป็นท่ายืดเยื้อ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งมีเวลาพอสำหรับประเมินสถานการณ์นั้นๆ ได้แก่ การถอดแว่นตาและเอาขาแว่นข้างหนึ่งใส่ไว้ในปาก คนที่สูบบุหรี่บางทีก็จุดบุหรี่เพื่อให้ตนมีเวลา อย่างไรก็ตาม ท่าทางที่มีชั้นเชิงหน่อยก็คือ การสูบกล้อง ด้วยความพยายามนิดหน่อยก็สามารถทำให้เกิดการประเมิน เวลาได้อย่างมีพิธีรีตอง เพราะกล้องยาเส้นจะต้องเติมยาเส้นให้เต็ม ทำความสะอาด อัดยาให้แน่น และจุดไฟ นักสูบกล้องยาเส้นมักจะให้ภาพพจน์แก่ผู้อื่นว่า เป็นคนอดทนและสุภาพมากกว่านักสูบบุหรี่ ซึ่งบางครั้งอาจมองเหมือนเร่งรีบ ขณะที่กำลังเสาะแสวงหาบุหรี่สูบอย่างมีเลศนัย ถ้าท่านกำลังจัดการกับใครสักคน ผู้ซึ่งกำลังอยู่ในพิธีรีตองในเชิงประเมินเหล่านี้ มักจะเป็นความคิดที่ดีที่ปล่อยให้บุคคลใดก็ตามมีเวลาที่จำเป็น ลำหรับคิดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

บุคคลที่กำลังบีบปลายจมูกของตนเอง ปิดตา และค่อย ๆ ก้มศีรษะตํ่าลง กำลังแสดงความคับข้องใจในตนเอง เธอผู้นี้อาจจะกำลังตัดสินใจว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่เลวหรือไม่ใช่ จงอย่าพยายามให้เธอแสดงเหตุผลในสภาพเช่นนี้ ปล่อยให้เธอมีเวลาบ้าง การประเมินทางลบคือ ท่าที่บุคคลลดแว่นตาตํ่าลงมาไว้ที่ปลายจมูก และมองลอดแว่น ท่าทางเช่นนี้มักก่อให้เกิดการแสดงอารมณ์โต้ตอบทางลบในบุคคลอื่น บุคคลที่อยู่ในเป้าที่ต้องรับการสื่อสารเช่นนี้ย่อมรู้สึกว่าตนกำลังถูกบีบให้เกิดอาการเจ็บและถูกเหยียดหยามบางครั้ง ท่านี้ก็ทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะใส่แว่นที่ไม่พอดี หรืออาจเป็นแว่นสายตายาวซึ่งต้องลดระดับลงเพื่ออ่านหนังสือก็เป็นได้

การระแวง การรักษาความลับ การปฏิเสธ และการสงสัย

อารมณ์ที่ค่อนไปทางลบเหล่านี้ มักจะสื่อด้วยการมองข้างๆ ไม่สื่อ หรือสื่อด้วยสายตาน้อยที่สุด หันร่างกายออกไปจากผู้พูด แตะหรือลูบไล้จมูก เมื่อมีผู้ใดไม่ยอมมองหน้าท่าน บางครั้งก็มีความหมายว่าเธอผู้นั้นเป็นคนลึกลับ มีความรู้สึกตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านกำลังกล่าวอย่างลับ ๆ หรือกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง การมองข้าง ๆ บางทีก็หมายถึง ความระแวงสงสัย บางครั้งก็เรียกว่า “เยือกเย็น” ท่านเคยมีประสบการณ์ที่ใช้ความพยายามช่วยคนบางคนที่กำลังข้ามถนน และซึ่งอยากจะเดินคนเดียวบ้างหรือไม่ ท่านจะได้พบทันทีว่าคนที่ “เยือกเย็น” หมายถึงอะไร บุคคลนั้นอาจจะเดินข้ามถนนมากับท่าน แต่เดินหนีห่างจากท่านที่มุมถนนที่ ๔๕ องศา เป็นท่าแสดงการปฏิเสธ “ความช่วยเหลือ” ของท่าน การเคลื่อนลำตัวห่างออกจากบุคคลที่กำลังคุยหรือกำลังนั่ง เพื่อให้ขาของท่านหันทิศทางไปทางประตู มักแปลว่า ท่านอยากจะหยุดการประชุม การสนทนา หรือหยุดอะไรก็ตามที่ดำเนินอยู่ การแตะหรือลูบจมูกเบา ๆ ซึ่งตรงข้ามกับการข่วนจมูก อาจจะแสดงถึงความประหลาดใจ สงสัย หรือการปิดบังซ่อนเร้น

ความพร้อม  ความพร้อมสัมพันธ์กันกับผู้ที่มีผลสัมฤทธิ์ต่อเป้าประสงค์สูงในอันที่จะทำงานให้เสร็จได้ มีความหมายถึงการอุทิศตนเพื่อให้ได้ ตามเป้าประสงค์ และมักสื่อสารด้วยลักษณะการวางมือทั้งสองข้างบนสะโพก หรือมีวิธีนั่งลํ้าหน้าออกมาอยู่ริมขอบเก้าอี้ ภาษาที่สื่ออย่างปกติที่สุด ได้แก่ ท่าทางที่วางมือไว้บนสะโพก นักกีฬาที่ยืนอยู่ขอบสนามคอยที่จะลงสู่สนามมักจะใช้ท่านี้ ในการประชุมเรื่องธุรกิจ ท่านี้จะเป็นท่าของบุคคลที่ต้องการและหวังให้ทุกคนปฏิบัติตาม เด็กใช้ท่านี้เมื่อกำลังท้าทายอำนาจ คำสั่งของพ่อแม่

ถ้าท่านกำลังจะเซ็นสัญญาตกลงอะไรที่ท่านพอใจ ท่านย่อมนั่งค่อนมาริมขอบเก้าอี้ ถ้าท่านไม่ชอบข้อตกลงใด ท่านจะนั่งเข้าไปข้างหลังเก้าอี้ พนักงานการตลาดทั้งหลายมักจะได้รับคำสั่งสอนว่า บุคคลใดที่นั่งอยู่ริมขอบที่นั่ง มักจะเป็นบุคคลที่พร้อมที่จะตัดสินใจซื้อสิ่งของ ท่าเหล่านี้เป็นท่าทางบวกและไม่ต้องกลัวบุคคลที่แสดงท่านี้ กำลังบอกโดยไม่ใช้คำพูดว่า เธอพร้อมที่จะปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตามท่านต้องโปรดระมัดระวังเวลาที่ท่านแสดงท่านี้ให้ปรากฏต่อผู้อื่น เพราะท่านอาจจะปรากฏตนในลักษณะที่กระตือรือร้นมากเกินไป

ท่าเสริมให้เกิดความเชื่อมั่น  ท่านี้มักจะแสดงให้เห็นด้วยวิธีการที่บางคนหยิกเนื้อที่แขนตนเอง แกะปลายเล็บ ลูบถูหรือจูบวัสดุที่เป็นสมบัติส่วนตัว เช่น นาพิกา แหวน สร้อยคอ หรือกัดเคี้ยววัตถุบางอย่าง เช่น ปลายดินสอ ปลายปากกา หรือคลิปกระดาษ เรามักจะเห็นท่าเหล่านี้ด้วยภาพสด ๆ ในโปรแกรมทีวี เวลาที่มีผู้ชมเข้าร่วมรายการด้วย คนจำนวนมากกลัวกล้องถ่ายทีวีด้วยเหตุผลนานาประการ บางคนก็คิดกลัวว่ากล้องจะจับภาพตนอ้วนไป แก่ไป หรืออาจจะเผยให้เห็นภาพพฤติกรรมประหลาด ๆ ของตน ในช่วงที่กำลังบันทึกภาพวีดิทัศน์ หรือช่วงที่กำลังย้อนกลับเทป คนมักจะแสดงได้สารพัดแบบ เพื่อเสริมความนั่นใจให้ตนเอง

ท่าโมโหฉุนเฉียว เมื่อท่านมีโอกาสเฝ้าดูการแข่งขันฟุตบอล คราวหน้า ท่านจงจับตาสังเกตว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลังจากผู้เล่นส่วนหลังหมดแรงลง และผ่านลูกเข้า ๆ ออก ๆ ผ่านมือผู้เล่นในทีมของตนไป ท่านอาจจะได้พบผู้เล่นร่วมทีมเตะพื้นสนาม ตบหมวกเหล็กของตน หรือเตะคาราเต้กลางอากาศ ทั้งหมดนี้เป็นท่าโมโหฉุนเฉียวที่สุด ท่าโมโหธรรมดา ๆ ได้แก่ การบีบมือแน่น ถูลำคอ บิดมือ และใช้มือปัดผมอย่างเร็ว ท่าทั้งหมดเหล่านี้เป็นท่าทางลบ ถ้าพนักงานของท่านกระทำอาการเช่นนี้ต่อหน้าท่าน ท่านจะต้องชะลอกลับที่เดิม ทำในสิ่งที่ท่านกำลังกระทำอยู่ และให้โอกาสพนักงานเหล่านั้นได้มีช่วงหายใจมากขึ้น ถ้าท่านไม่หันกลับ ระดับความโมโหฉุนเฉียวจะยิ่งเพิ่มขึ้น จนในที่สุดอาจถึงขั้นระเบิด

ท่ามั่นใจ ท่าอาวุโส และท่าวางอำนาจ อารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ แสดงผ่านท่าผ่อนคลายและท่าขยายอำนาจ ซึ่งได้แก่ ยกเท้าชี้ขึ้นสูงหรือวางบนโต๊ะ พิงพนักเก้าอี้ด้วยนิ้วมือ ๒ ข้างประสานอยู่หลังศีรษะ ลำแขนก็อยู่ข้างหลัง โดยยกคางชี้ขึ้น

ท่าตกใจกลัว การกระแอมในลำคอ เป็นท่าตกใจกลัวที่ชัดเจน ผู้พูดมักจะทำอาการเช่นนี้ก่อนพูดต่อหน้าผู้ฟัง การสูบบุหรี่มวนต่อมวน เป็นอีกท่าหนึ่งของการตกใจกลัว แต่เมื่อใดที่ผู้สูบบุหรี่เกิดอาการกังวลกลัวขนาดหนัก สิ่งแรกที่ผู้นั้นกระทำก็คือ การดับบุหรี่ การปิดปากขณะกำลังพูด เป็นอีกท่าหนึ่งของความตกใจกลัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะสังเกตได้ ขณะที่กำลังสอบสวนปากคำ และเล่าว่าท่านี้หมายถึงอะไรก็ได้ ตั้งแต่สงสัยตนเองจนถึงการพูดปด ท่าอื่น ๆ ที่แสดงอาการตกใจกลัว ได้แก่ การกระตุกปากหรือใบหน้า ท่ากระสับกระส่าย สลับเปลี่ยนท่าวางเท้าจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ท่าเคาะนิ้ว เคาะจังหวะ ทำเสียงกุ๊กกิ๊กกับเงินในกระเป๋า และผิวปาก เป็นต้น

ท่าบังคับตนเอง ท่าที่แสดงการขัดข้อเท้าไว้อย่างแน่นหนา และเกาะกุมข้อมือไว้ด้านหลัง มักจะมีความหมายว่าท่านกำลังชะงักง่วนอยู่ ท่านกระทำเช่นนี้ในขณะที่กำลังคอยหมอฟันในห้องพักเพื่อคอยการตรวจรับการรักษาหรือเปล่า กองทัพมีคำกล่าวที่โบราณอยู่ประโยคหนึ่งคือ “จงขัดข้อเท้าของท่านไว้” ซึ่งหมายความว่า จงรั้งรอและอย่าเปิดเผยสิ่งใดควบคุมบังคับตน

ท่าเบื่อหน่ายหรือขาดความอดทน ความรู้สึกที่ไม่สร้างสรรค์เหล่านี้ มักจะแสดงออกด้วยการทำเสียงเคาะนิ้วมือ เอาศีรษะวางลงในอุ้งมือ แกว่งเท้า เร่งรีบ ละเลียดหาเรื่อง ขีดเส้นขยุกขยิก หันหน้าตรงไปทางประตูออก มองนาฬิกา หรือลุกขึ้นออกจากห้องไป

ท่ากระตือรือร้น  ท่านี้เป็นอาการที่ท่านอยากจะเห็นในบุคคลอื่น และคนอื่นก็อยากจะเห็นในตัวท่าน ความกระตือรือร้นแสดงออกด้วยท่ายิ้มน้อย ๆ หรือยิ้มอยู่ในใจ ลำตัวตั้งตรง เปิดมืออ้าแขนต้อนรับ ตาเปิดกว้างและแจ่มใส เดินหนัก ๆ และมีชีวิตชีวา เสียงใสและกลมกล่อม ทัศนคติเช่นนี้ท่านควรจะแสดงออกต่อผู้อื่น และควรจะปลูกฝังและเสริมแรงให้เกิดขึ้นในตัวพนักงานของท่านทุกคน