การสร้างภาพพจน์ให้เหมาะสม

ท่านเคยดูตัวท่านในทีวีหรือวีดิทัศน์เทปบ้างหรือไม่ ท่านเคยได้ยินเสียงของท่านในเทปบันทึกเสียงบ้างหรือไม่ ท่านเคยพิจารณาภาพถ่ายของตัวท่านบ้างหรือไม่ ท่านมองตัวท่านและเสียงของท่านอย่างไร ท่านสร้างภาพพจน์ในลักษณะที่ท่านอยากจะให้ผู้อื่นมองเห็นหรือไม่ ภาพพจน์เกี่ยวกับตัวท่านเหล่านี้เป็นภาพที่สำคัญมาก เพราะภาพเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความคิดที่ว่า ท่านจะทำตนอย่างไรต่อหน้าบุคคลทั่วไป ไม่ว่าทางด้านบวก หรือทางด้านลบ การสร้างภาพพจน์ของตนที่ ‘‘สมบูรณ์” ต่อสายตาคนอื่น ๆ ย่อมช่วยสร้างความเชื่อถือ และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เขาเหล่านั้นย่อมได้รับความสบายใจและเป็นกันเองมากขึ้นเมื่ออยู่แวดล้อมตัวท่าน เมื่อท่านมีภาพพจน์ที่เหมาะสมก็จะทำให้ท่านสื่อสารกับบุคคลเหล่านี้ง่ายขึ้น ในทางตรงข้าม ถ้าภาพพจน์เกี่ยวกับตัวท่านไม่เหมาะสม ในสายตาของคนอื่น หรือในสถานการณ์ใดก็ตาม ภาพพจน์นั้น ๆ ย่อม จะสร้างเครื่องกีดขวางซึ่งจะเป็นอุปสรรคมิให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภาพพจน์สำคัญ ๆ ที่ท่านมองตนเอง ย่อมจะเสริมพลังให้เข้มข้นขึ้น จากข้อเท็จจริงที่เป็นที่ยอมรับอย่างดี ดังตัวอย่างในกรณีของการปราศรัยหาเสียงที่มีชื่อเสียงระหว่างเคนเนดีและนิกสัน ซึ่งครั้งนั้น เคนเนดีได้รับชัยชนะ เพราะภาพพจน์ที่ประชาชนศรัทธาในบุกคลิกและลักษณะภายนอกของเขา มิใช่เพราะเนื้อหาของคำปราศรัย และเหตุนี้เอง กลายเป็นจุดพลิกโผการเลือกตั้งครั้งนั้น

ดูเหมือนเป็นการไร้เหตุผล ในการที่มนุษย์เราชอบที่จะตัดสินคุณภาพของหนังสือจากปกหนังสือ และคนปกติไม่สามารถลบรอยประทับใจเริ่มแรกที่เลว ๆ เพื่อยอมเปิดเผยให้ผู้อื่นพบลักษณะประจำตนที่แท้จริงบางอย่าง และทักษะที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ลักษณะเหล่านั้นได้ นอกจากนี้มนุษย์ยังมีวิธีแสดงปฏิกิริยาต่อกันในลักษณะที่พยากรณ์กันอยู่ทั่วไปต่อคุณสมบัติบางอย่างที่อยู่ “เปลือกนอกเท่านั้น” คนเราจะสบายใจมากขึ้นถ้าจัดการกับสิ่งที่สามารถพยากรณ์ได้ซึ่งก็อาจจะดูไร้เหตุผลพอ ๆ กัน แต่นักบริหารที่เอาใจใส่ต่อข้อแนะนำเกี่ยวกับภาพพจน์ก็ย่อมจะประสบความสำเร็จมากกว่าบุคคลที่ไม่สนใจ นักบริหารที่มีลักษณะและแสดงตนเสมือนนักบริหารชั้นสูง ย่อมจะได้เปรียบเหนือนักบริหารที่ไม่แสดงภาพพจน์ของนักบริหารชั้นสูง

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนคนหนึ่งของเราเดินทางไปทำธุรกิจที่ยาวนาน แล้ว บังเอิญเกิดเม็ดผื่นขึ้นเต็มตัว การอยู่ไกลบ้านและไกลหมอประจำครอบครัว ทำให้เขาตัดสินใจไปศูนย์การแพทย์ที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองที่เขาพักอยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว และเขาต้องนั่งคอยเป็นชั่วโมง เพื่อจะหาใครสักคน มาตรวจอาการของเขา ในที่สุดขณะที่คิดว่าตนคงต้องคอยไปตลอดกาล ก็มีสตรีเยาว์วัยผู้หนึ่งเดินเข้ามา เธอมีลักษณะที่แสดงว่าอยู่ในวัยไม่เกิน 25 ปี เธอมีผมยาวตัดทรงตรง นุ่งกางเกงยีนรัดเปรี๊ยะตามแฟชั่นและเสื้อหลวม ๆ เธอบอกว่าเธอเป็นแพทย์ เธอจ้องมองผื่นที่ขึ้นบนตัวเพื่อนของเราเพียงไม่กี่นาที แต่ไม่ได้แตะต้องเพื่อนของเราเลย เธอวิเคราะห์อาการของเขาและเขียนใบสั่งยา แล้วก็จากไป เพื่อนของเราไม่ศรัทธาเป็นอย่างมากที่จริงเพราะภาพพจน์ที่แพทย์สตรีแสดงและภาพที่ปรากฏของเธอขาดความเป็นผู้ประกอบอาชีพชั้นสูง เพื่อนของเราค่อนข้างกังขาทั้งในด้านการวิเคราะห์ อาการและการสั่งยา ผลก็คือตอนเข้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนของเราได้เดินทางไปพบแพทย์อีกคนหนึ่งในเมืองนั้น เขาได้รับการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด อยู่เกือบ ๓ ชั่วโมง เพื่อนของเรารู้สึกว่าตนได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ที่ดี และเมื่อแพทย์คนที่สองให้ใบสั่งยา ปรากฏว่าเป็นยาชนิดเดียวกันกับที่ แพทย์สตรีคนแรกให้ในคืนก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตามครั้งนี้เพื่อนของเราได้รับแรงจูงใจและมีความเชื่อมั่นที่จะปฏิบัติตามขวัญของเรื่องนี้มีจุดศูนย์กลางอยู่บนภาพพจน์ที่มีต่อตัวหมอ อากัปกิริยา การแต่งกาย ตลอดจนความสง่าในตัวของแพทย์คนแรกสร้างภาพพจน์ขึ้นในใจของเพื่อนของเรา ซึ่งสร้างความกังขาสงสัย ความเครียด และการขาดความเชื่อถือ สำหรับแพทย์คนที่สองจะมีลักษณะตรงข้าม ความคิดเห็นของเพื่อนเราที่มีต่อแพทย์คนแรกไม่มีอะไรพาดพิงถึงสมรรถภาพของเธอเลย ที่จริงเธอจะต้องเป็นแพทย์ที่ดีทีเดียวที่ใช้เวลาเพียง ๓ นาที ในการวิเคราะห์โรคและเขียนใบสั่งยาได้ ซึ่งแพทย์คนที่สองใช้เวลาเกือบ ๓ ชั่วโมง ภาพพจน์นั่นเอง ที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างแพทย์ทั้งสองคน ซึ่งก็เป็นลักษณะเดียวกันกับ กรณีการปราศรัยของเคนเนดีและนิกสัน ท่านที่สงสัยว่าเพื่อนของเราอาจจะมีอคติเกี่ยวกับแพทย์ที่เป็นสตรีเพศ ก็อาจจะหมดความคลางใจลงได้ ถ้าท่านทราบว่า นายแพทย์ประจำตัวที่บ้านของเพื่อนเราเป็นแพทย์สตรีเช่นกัน