สาเหตุที่ทำให้ผู้บริหารล้าสมัย

ความล้าสมัย (Obsolescence)

ความล้าสมัย หมายถึง ภาวะที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่ซึ่งยังคงอยู่ในตำแหน่ง แต่ขาดความชำนาญและความรู้ทั่วไป ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต่อตำแหน่งงานนั้น และยัง

หมายรวมถึง การมองไม่เห็นความสำคัญของความชำนาญและความรู้ทั่ว ๆ ไป อื่น ๆ ที่ซึ่งผู้บริหารหรือกลุ่มวิชาชีพส่วนมากถือว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่จะต้องติดตามความก้าวหน้าใหม่ๆ ให้ทันเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะความชำนาญและความรู้ดังกล่าวนับเป็นสิ่งที่สำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพแก่ผลงานที่จะสามารถทำได้ผลดี ทั้งในงานปัจจุบันและงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ความล้าสมัยของนักบริหารนี้อาจจะเกิดขึ้นได้กับผู้บริหารทุกคนที่มิได้มีการติดตามความก้าวหน้า ของการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาการและเทคนิคต่าง ๆ ในขณะปฏิบัติงาน ซึ่งเทคนิควิทยาการที่ก้าวหน้านี้ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมสร้างความมีประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน ในยุคใหม่ ๆ หรือในทางกลับกันก็คือ เทคนิควิทยาการหรือวิธีปฏิบัติบางอย่างที่ใช้อยู่นั้นอาจจะหมดความจำเป็นไปแล้ว ซึ่งถ้าหากขาดทั้งสองแง่มุมแล้วก็ย่อมทำให้ผู้บริหารตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถ ปรับตัวหรือตามทันกับภาวะใหม่ ๆ ที่ซึ่งความรู้ใหม่ ๆ มักจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องนำมาใช้ประกอบเสมอ

ความล้าสมัยนี้อาจจะมีขนาดมากหรือน้อยต่างกัน ย่อมขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาของตนได้แค่ไหนอย่างไร ในบางกรณีปัญหาอาจจะเกิดขึ้นในลักษณะที่ว่า ผู้บริหาร ได้รู้และเข้าใจหรือตามทันวิธีการใหม่อยู่แล้ว เป็นแต่เพียงตัวเองไม่อยากจะใช้ ซึ่งผลที่ปรากฏก็คือ จะมีผลกระทบต่อผลงานปัจจุบันของเขา ซึ่งอย่างน้อยในกรณีเช่นว่านี้นับว่ายังไม่ร้ายแรงนัก เพราะอย่างน้อยก็ยังมีการตระหนักหรือรู้ถึงปัญหาดังกล่าว แต่ปัญหาที่หนักกว่านั้นก็คือ ความไม่สามารถติดตาม และการไม่รู้ถึงหรือไม่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เลย แบบของการล้าสมัยที่ต่างกันนี้ ถ้าหากได้มีการเข้าใจปัญหาหรือได้ทราบแล้ว ก็ย่อมช่วยให้การเสริมหรือการอบรมพัฒนาใหม่เป็นสิ่ง ที่เป็นไปได้และจะกระทำได้สะดวกขึ้น แต่ถ้าผู้บริหารเป็นไปในลักษณะที่ว่าทั้ง ๆ ที่เข้าใจถึงความล้าสมัยของตนแต่ดื้อดึงและปฏิเสธที่จะไม่ยอมรับข้อเท็จจริงอันนั้นและเฉยเมยหรือไม่สนใจ ต่อการ ช่วยเหลือในรูปใด ๆ ในกรณีเช่นนี้ การพัฒนาก็ย่อมจะยุ่งยากเป็นที่สุด

ปัจจัยประการหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของเทคนิควิทยาการ (Technological Obsolescence) กล่าวคือ ในงานบางด้านได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตามแทบไม่ทัน อย่างเช่นกรณีของเครื่องจักรสมองกลหรือคอมพิวเตอร์ ส่วนสาเหตุประการที่สองนั้นก็คือ การถูกเลื่อนขั้นไปในตำแหน่งที่ตนไม่พึงประสงค์ เข้าไปทำงานในตำ แหน่งที่ยังมีคุณสมบัติไม่พร้อมหรือไม่เหมาะสม และไม่อาจที่จะทำงานนั้นได้ ซึ่งในที่สุดก็ทำให้เกิดปัญหาของการเฉื่อยชา หรือหมดนํ้ายาหรือขาดแรงจูงใจ และทำงานเรื่อย ๆ วันต่อวันแบบไม่มีอนาคต ซึ่งย่อมทำให้จมอยู่กับที่และแก่ลงไปพร้อมกับตำแหน่งงานนั้น ๆ ในอีกกรณีหนึ่งของการล้าสมัยอาจ ไม่เกิดขึ้นกับพนักงานทุกคนในองค์การก็คือ ถ้าหากสภาพแวดล้อมขององค์การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับงานมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปด้วยนั้น ในกรณีเช่นนี้ผู้บริหารงานบางคนก็มักจะถูกกระทบทำให้ล้าสมัยไปด้วย

จากการค้นพบของนักวิชาการว่า ในเรื่องล้าสมัยนี้ ปัญหาในเรื่องของอายุไม่ใช่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถพัฒนาเป็นนักบริหารที่ดีได้ แต่ที่อาจจะเป็นปัญหาบ้างก็คือ ข้อจำกัดในเรื่อง ของความเฉลียวฉลาดและความสามารถในการแยกแยะวิเคราะห์ปัญหา ตลอดจนการไม่ตื่นตัวหรือ สนใจที่จะก้าวหน้ารวมทั้งการมีความคิดแอบ และไม่มีความทะเยอทยาน ดังนั้นหากทราบถึงปัจจัย ดังกล่าวแล้ว วิธีป้องกันก็คงต้องแก้ไขในจุดอื่น ๆ ที่เป็นมาก่อน นั่นก็คือ ทั้งในขั้นตอนของการคัดเลือก

การประเมินผลพนักงาน ตลอดจนการให้คำแนะนำตลอดเวลาเกี่ยวกับอาชีพหรือหน้าที่การงานและ การมีนโยบายทางด้านบริหารบุคคลที่คล่องตัวก็จะช่วยประคับประคองหรือช่วยลดปัญหาได้ตลอดทาง นอกจากนี้การต้องพิจารณาสนใจปรับปรุงและออกแบบงานให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ให้เป็น งานที่ท้าทายเป็นขั้น ๆ ตามลำดับ ก็จะเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาเรื่องความล้าสมัยให้น้อยลงไป ได้ Herbert Kaufman(2) ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อไปว่า การรู้จักใช้วิชาชีพและวิชาการใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการตัดสินใจ ตลอดจนการมีนโยบายให้มีการโยกย้ายเปลี่ยนงาน โดยให้ไปมีประสพการณ์กับงานใหม่ ๆ จะเป็นวิธีที่สำคัญยิ่งที่มีผลในการช่วยให้มีการพัฒนาการจัดการ ได้โดยทางอ้อมอย่างได้ผลทางเลือกที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องความล้าสมัยในการจัดการนั้น อาจจะมี 3 ทางด้วยกัน คือ

1.  เปลี่ยนงานเสียใหม่ ที่อาจจะช่วยให้มีโอกาสได้ไปทำงานในจุดอื่นที่ได้ประโยชน์กว่า หรือลดข้อจำกัดของงานให้มีน้อยลงจากเดิม

2.  เปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหาร โดยอาศัยแผนการพัฒนาการจัดการเป็นเครื่องช่วย

3.  ให้ปลดเกษียณหรือให้ออกจากงานก่อนเกษียณอายุ หรือเชิญให้ออก

ซึ่งวิธีที่สามนี้ ควรจะพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด และวิธีที่สองจะเป็นวิธีที่ควรใช้เป็นเครื่องช่วยมากที่สุด โดยสรุปกล่าวได้ว่าการพัฒนาการจัดการเป็นหนทางที่สำคัญที่จะใช้แก้ไขปัญหาความล้าสมัยในบรรดานักบริหารทั้งหลายได้