3. องค์การกลางในฐานะศูนย์การบริหารงานบุคคล แนวทัศนะที่มุ่งในเรื่องประสิทธิภาพของราชการพลเรือนได้เพ่งมองต่อไปถึงประสิทธิภาพของการบริหารงานบุคคลในวงราชการพลเรือน จากลักษณะที่เป็นปัจจัยสำคัญในอันที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพดังกล่าว และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ประสิทธภาพของการบริหารงานบุคคลขึ้นอยู่กับสมรรถภาพขององค์การกลาง ความสนใจได้พุ่งตรงไปที่ ก .พ. และมีความเห็นว่าหน่วยงานนี้ควรจะอยู่ในฐานะเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเป็นผู้นำทางและควบคุมการบริหารงานบุคคลของราชการพลเรือนให้เป็นไปด้วยดีมีประสิทธภาพ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงปัญหาต่าง ๆ หลายประการในอันที่จะสร้างสรรค์ภาวะการเป็นผู้นำให้แก่องค์การ
เริ่มด้วยปัญหาในเรื่องรูปองค์ประกอบ องค์การกลางในรูปที่เป็นคณะกรรมการอย่างเช่น ก.พ. ถูกพิจารณาไปในทางที่ว่าปราศจากผู้นำรับผิดชอบในการบริหาร แต่ก็เหมาะสมในข้อที่ว่า การลงมติในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมามากกว่าทางออกในเรื่องนี้ก็คือ เป็นไปในทำนองผสมกลมกลืน ที่จะให้องค์การกลางมีทั้งประสิทธิภาพในการบริหารงานบุคคล โดยให้เป็นแบบผู้อำนวยการ (Director type) และให้มีหลักประกันแห่งระบบคุณวุฒิ โดยให้เป็นแบบคณะกรรมการ (Commission type) พร้อมกันไปในตัว
ปัญหาในเรื่องฐานะขององค์การกลางว่าจะอยู่ที่ตรงไหน ในสายการบริหารราชการตามลำดับชั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีผลพัวพันถึงภาวะการเป็นผู้นำขององค์การกลาง การโต้แย้งมีอยู่ว่าควรจะให้องค์การกลางเป็นหน่วยราชการอิสระไม่ขึ้นกับฝ่ายบริหารหรืออยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของฝ่ายบริหารหรือไม่ อย่างไรก็ดี ได้มีการสรุปทางออกของปัญหานี้ไว้โดยทั่ว ๆ ไปว่า องค์การกลางควรจะเป็นอิสระจากอิทธิพลของฝ่ายบริหาร แม้ว่าจะอยู่ในสายการบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร โดยการวางตัวให้ทรงเกียรติภูมิ เป็นที่เกรงใจของฝ่ายบริหาร นอกจากนี้ ก็สมควรจะให้สภานิติบัญญัติเป็นผู้คอยค้ำประกันความเป็นอิสระดังกล่าวขององค์การกลางด้วย จะโดยวิธีการให้สภาเป็นผู้พิจารณาเลือกตัวคณะกรรมการกลาง หรือวิธีอื่นใดก็ได้
การวางตัวให้ทรงเกียรติภูมิดังกล่าวชักจูงไปถึงปัญหาในเรื่องสมรรถภาพในการปฏิบัติงานขององค์การกลางด้วย อันทำให้มีแนวความคิดโน้มเอียงไปในทางที่จะได้เห็นการปรับปรุงระบบการทำงาน การจัดองค์การ และตัวบุคคล ซึ่งจะช่วยก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงในการบริหารงานบุคคล เป็นที่ยอมรับนับถือในวงราชการพลเรือนและของฝ่ายบริหารด้วย
กรณีจะเป็นเช่นไรก็ตาม ในขณะที่แนวคิดที่ต้องการให้องค์การกลางเป็นผู้นำในการสร้างประสิทธิภาพ และความเป็นมาตรฐานอันหนึ่งอันเดียวกันในการบริหารงานบุคคลของราชการพลเรือนนี้ กำลังสนับสนุนแนวนิยมแห่งการรวมอำนาจ (Centralization) อยู่นี้ แนวนิยมในการกระจายอำนาจ (Decentralization) การบริหารงานบุคคลก็ยังปรากฎให้เห็นเป็นปัญหาโต้แย้งอยู่ตลอดมา ภายหลังที่ได้มีการแยกข้าราชการครูออกไปจากการควบคุมดูแลของ ก.พ. ไปอยู่กับคุรุสภาในปี พ.ศ. 2488 แล้ว ต่อมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในปี พ.ศ. 2503 ก็ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการข้าราชการมหาวิยาลัย (ก.ม.) ขึ้น ทำหน้าที่ดูแลข้าราชการมหาวิทยาลัยแยกออกไปต่างหากจาก ก.พ. ติดตามด้วยคณะกรรมการข้าราชการอัยการ (ก.อ.) สำหรับข้าราชการอัยการในปีเดียวกัน องค์การใหม่ที่แยกออกต่างหากจาก ก.พ. เหล่านี้ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลและการบริหารงานบุคคลภายใต้กฎและระเบียบข้อบังคับที่แยกออกต่างหากตามที่เห็นว่าเหมาะสมกับกลุ่มข้าราชการของตน แม้ว่าจะยังคงอิงหลักเกณฑ์ของ ก.พ. อยู่บ้างก็ตาม
ความโน้มเอียงไปในทางกระจายอำนาจมากยิ่งขึ้นดังกล่าว สืบเนื่องมาจากหลักการที่ว่า “ความรับผิดชอบอันสำคัญในการบริหารงานบุคคล ควรจะเปลี่ยนมือจากหน่วนงานบุคคลไปอยู่กับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานโดยมีนักบริหารงานบุคคลอาชีพ ทำหน้าที่คอยแนะนำวิธีการและเทคนิคใหม่ ๆ ให้ ทั้งนี้ หมายความว่า ผู้บังคับบัญชาตามสายงานควรจะได้เป็นผู้กำหนดแนวนโยบายเกี่ยวกับงานบุคคลโดยตรงเอง เพื่อช่วยให้การทำงานของตนประสบผลสำเร็จ ในฐานะผู้ที่มีความเข้าใจงานในหน้าที่ของตนได้ดีกว่าองค์การกลาง และยังเป็นที่เข้าใจว่า การบริหารงานบุคคลของหน่วยงานแต่ละหน่วยก็อาจจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และความเป็นมาของหน่วนงานเฉพาะแห่งได้โดยง่าย
อย่างไรก็ดี ข้อโต้แย้งในเรื่องนี้มีอยู่ว่า การกระจ่ายอำนาจมากเกินไปจะทำให้ระเบียบราชการพลเรือนโดยส่วนรวมขาดเอกภาพและความเป็นมาตรฐานอันเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการทำลายขวัญหรือกำลังใจในการทำงานของข้าราชการด้วยกัน แม้ว่าโดยทั่วไปจะยังคงอิงระเบียบข้าราชการตามแบบของ ก.พ. อยู่ก็ตาม ความแตกต่างกันในเงื่อนไขรายละเอียดบางประการ ก็ก่อให้เกิดความแตกต่างกันได้อย่างมากมายในระหว่างกลุ่มข้าราชการ โดยประการฉะนี้ แนวโน้มในปัจจุบันจึงเป็นไปในทางที่จะปรับปรุงแก้ไของค์การกลาง คือ ก.พ. ให้สามารถปฏิบัติงานได้โดยครบถ้วนรวดเร็ว ยุตธรรม และทรงไว้ซึ่งคุณวุฒิที่จะวินิจฉัยปัญหาต่าง ๆที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ได้อย่างกว้างขวาง แม่นตรง และลึกซึ้งด้วย