การเรียนรู้กระบวนการฝึกอบรม

การเรียนรู้เป็นแกน (The Core) ของกระบวนการฝึกอบรม อย่างแท้จริง เมื่อฝ่ายบริหารจัดกิจกรรมการฝึกอบรมขึ้น ก็คาดหวังว่าพนักงานผู้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าวจะมีพฤติกรรมใหม่ ๆ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม สามารถให้คำจำกัดความของการเรียนรู้ว่า การเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการเกี่ยวกับมนุษย์ซึ่งได้รับ และใช้ทักษะ ความรู้ อุปนิสัย และเจตคติในแนวทางที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม (Learning can be defined as that human process by which skills, knowledge,habits and attitudes are acquired and utilized in such a way that

behavior is modified)

เราจะทราบได้ว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้เรียนรู้เมื่อเขาแสดงออกโดยการกระทำ เช่น ศักดิ์เรียนภาษาอังกฤษ เขาแสดงให้เห็นว่า เขาได้เรียนรู้โดยการแปลบทความในหนังสือ นักเรียนวิชาคณิตศาสตร์จะแสดงวิธีแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ เป็นต้น

หลักการเรียนรู้

นักจิตวิทยาได้พัฒนาหลักการเรียนรู้ที่สำคัญจำนวนหนึ่งโดยการทดลอง หลักการเรียนรู้เหล่านี้สามารถนำมาใช้กับโปรแกรม การฝึกอบรมพนักงานของบริษัท

แรงจูงใจ

พนักงานอาจไม่ยอมรับการสอน (Instruction) ถ้าเขาไม่เห็นเหตุผลที่เขาต้องเรียน การฝึกอบรมก็จะไร้ประโยชน์ แรงจูงใจอย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จของสถานการณ์การเรียนรู้ มนุษยจะมีเป้าหมายเป็นพื้นฐานในพฤติกรรมของตนเขาจะพยายาม สนองความต้องการของตัวเองเพื่อให้บรรลุความต้องการการเรียนรู้ จะมีประสิทธิผลเมื่อผู้เรียนมองเห็นว่า เขาสามารถสนองต่อเป้าหมายบางอย่างโดยผ่านทางการมีส่วนร่วมในโปรแกรมการฝึกอบรม

แรงจูงใจมีอยู่ 2 อย่าง คือ แรงจูงใจภายในกับแรงจูงใจภายนอก แรงจูงใจภายในจะเกิดจากตัวพนักงานเอง เขาจะสนุกสนานกับการเรียน ส่วนแรงจูงใจภายนอกเกิดจากการให้รางวัล หรือสิ่งล่อใจจากภายนอกในการทำงานให้สำเร็จ รางวัลดังกล่าวอาจจะเป็นการยกย่องชมเชยจากหัวหน้าหรือผู้สอนได้รับเงินเดือนสูงขึ้นได้รับโบนัส ได้รับเกียรติ สภาพการทำงานดีขึ้น เป็นต้นแรงจูงใจทั้ง 2 ประเภทมีความสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ อย่างไรก็ตามการเรียนรู้จะเกิดขึ้นยาก หากมีรางวัลล่อใจจากภายนอก แต่ขาดแรงจูงใจภายใน

การรู้ผลการเรียนหรือการฝึกอบรม

สิ่งที่สัมพันธ์กับแรงจูงใจก็คือการรู้ความก้าวหน้าของผู้เรียน การทดลองทางการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า คนจะเรียนได้เร็วขึ้น เมื่อเขารู้ความสำเร็จของเขา

Wolfe ได้สรุปว่าเป็นสิ่งจำเป็น ที่ผู้เรียนต้องรู้ว่า เขาเรียนไปได้แค่ไหน สิ่งที่ผู้เรียนรู้จะต้องรู้โดยอัตโนมัติโดยทันที และมีความหมายต่องานที่เขาทำอยู่ ดังนั้นในชั้นเรียนการฝึกอบรม ผลสอบไล่ของผู้เรียนควรจะบอกเป็นคะแนนและส่งคืนให้ผู้เรียน เพื่อว่าผู้เรียนจะได้รับทราบว่าเขามีจุดบกพร่องตรงไหน และเขาประสบความสำเร็จตรงไหน

ในการฝึกอบรมระหว่างการทำงาน หัวหน้างานควรแจ้งให้พนักงานทราบถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของเขาเพื่อว่าพนักงาน จะได้ปรับตัวใหม่ คนเราชอบที่จะรู้ถึงความก้าวหน้าของตนเอง ต้องการรู้ว่าขณะนี้เขายืน อยู่ที่จุดไหน ถ้าหากผู้สอนส่งคะแนนดิบคืนให้กับผู้เรียน ก็จะทำให้ผลการเรียนดังกล่าวไม่มีความหมาย ผู้เรียนต้องการรู้ว่าเขาอยู่ ณ จุดใด การปฏิบัติงานของเขาอยู่ห่าง จากที่คาดหวังแค่ไหนการเรียนรู้จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีเกณฑ์ ที่ผู้เรียนสามารส เปรียบเทียบกับความก้าวหน้าของตนเอง

การเรียนโดยการกระทำ

เป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้เรียนในการที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จากคำอธิบายของผู้สอนในชั้นเรียน ผู้เรียนจะเรียนจากการปฏิบัติงาน จริง ๆ การเรียนรู้ที่ใช้สำนึกของมนุษย์(Human Sense) เข้าไปเกี่ยวข้องมากเท่าไร การเรียนรู้ก็จะสมบูรณ์มากแค่นั้น ถ้าเราสอนการควบคุมเครื่องจักรหรือการลับเครื่องมือ วิธีง่าย ๆ ก็คือการลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าเราสอนทฤษฎี หรือแนวความคิด เราสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ

เมื่อต้องการเรียนงานในภาคปฏิบัติ ควรจะรวมเวลาการปฏิบัติงานเข้าด้วยกันทั้งหมดหรือว่าแบ่งเวลาออกเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หลายช่วง จากการวิจัยพบว่าการเรียนโดยการแบ่งการเรียนออกเป็นส่วน ๆ (spaced practice sessions)น่าจะได้รับการสนับสนุนมากกว่า

การเรียนรู้ทั้งงหมดหรือบางส่วน

ในโรงเรียนมัธยมศึกษา เมื่อเด็ก ๆ เรียนการจำโคลงกลอน เขาจะจำเป็นตอน ๆ พนักงานควรจะเรียนรู้การปฏิบัติงานแบบนี้หรือไม่ ขั้นตอนหนึ่งครั้งหนึ่ง (One step at a time) การเรียนทั้งหมดครั้งเดียวหรือเรียนเป็นบางส่วน อย่างไหนจะดีกว่ากันนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับธรรมชาติของผู้เรียนและสิ่งที่เขาจะเรียนด้วย

อย่างไรก็ตาม เราอาจได้ข้อสรุปบางอย่าง ถ้าสิ่งที่เราจะเรียนเป็นสิ่งง่าย ๆ งานที่ต้องอาศัยการปฏิบัติเล็กน้อย การเรียนทั้งหมดในเวลาเดียวกันจะดีกว่า ในด้านตรงกันข้าม ถ้าความรู้ที่จะเรียนหรืองานจะทำมีความซับซ้อนและยาว ควรแบ่งความรู้หรืองานออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อผู้เรียนจะได้เรียนเป็นตอน ๆ

บางครั้งเราอาจจะผสมผสานการเรียนทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ของการฝึกอบรม

ทฤษฎีมีความจำเป็นหรือไม่?

พนักงานมีความจำเป็นต้องรู้หลักการเกี่ยวกับงานที่เขาทำอยู่ หรือไม่มีหลักฐานแสดงว่าพนักงานจะทำงานได้ดีกว่า ถ้าหากเขารู้หลักการหรือทฤษฎีในงานที่เขาทำอยู่ ดังนั้น พนักงานซึ่งควรได้รับความรู้ในทฤษฎีซึ่งทำให้เขาเข้าใจในหลักการ เพื่อว่าเขาจะได้แก้ปัญหาเมื่อประสบจากการทำงาน

การเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย

งานที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของร่างกาย การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันอยู่ภายใต้การควบคุมของประสาท ตัวอย่างของทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้แก่ การเล่นสะกี การว่ายน้ำ การใช้เครื่องมือ การใช้จักรเย็บผ้า ผู้สอนจะต้องแสดงและอธิบายอุปกรณ์ เครื่องมือที่เขาจะใช้แล้วสาธิตให้ดู

ถ้าการสาธิตมีความซับช้อน ผู้สอนควรสาธิตเป็นตอน ๆ แล้วให้ผู้เรียนลองทำตาม จนเข้าใจและสามารถอธิบายขั้นตอน ในการทำงานชิ้นนั้นได้ ผู้สอนควรให้คำแนะแนวผลสะท้อนกลับ ผู้เรียนจะได้รู้ว่าการเรียนของตนมีความก้าวหน้าหรือไม่ แค่ไหน

การเรียนรู้แนวความคิดและเจตคติ

กระบวนการดังกล่าวจะมีความซับซ้อนมากกว่าทักษะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย เราเรียนรู้แนวความคิดและเจตคติ ได้หลายแนวทาง โดยการลองผิดลองถูกหรือโดยประสบการณ์ส่วนบุคคล โดยอ่านและสังเกต การฟังและการพูดคุยกับบุคคลอื่น

การเรียนรู้เกี่ยวกับแนวความคิดจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้เรียนได้เข้าร่วมในกิจกรรมของกระบวนการอย่างจริงจัง ควรสนับสนุนให้ผู้เรียนได้สำรวจปัญหาและประเด็นต่างๆ เพื่อสามารถค้นหาความสัมพันธ์และหลักการสำหรับตัวเขาเอง จะเป็นการประหยัด หากผู้สอนได้รวบรวมเนื้อหาวิชา อย่างเป็นขั้นตอนแล้วอธิบายให้กับผู้เรียนโดยแจ่มแจ้งควรให้โอกาสผู้เรียนทำแบบฝึกหัดแก้ปัญหา และแนวความคิด และค้นหาความจริงสำหรับตัวเขาเองด้วย